เมื่อผู้กำกับ จัสติน เคอร์เซล แห่งหนัง Macbeth เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน จากหนังระดับรางวัล มาเป็นหนังบล็อคบัสเตอร์สร้างจากวิดีโอเกมที่ประสบความสำเร็จมหาศาล ผลลัพธ์จะออกมายังไง?
“ผมคิดว่า พวกเราล้วนฝันว่า ที่สุดแล้วจะมีงานของตัวเองแบบ ไครเทอรียน คอลเลคชัน (Criterion Collection – ดีวีดีหรือบลู-เรย์ ที่เน้นผลิตเฉพาะงานที่มีความคลาสสิคและร่วมสมัย) ออกมา” เคอร์เซลพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ “แล้วผมก็คิดว่า คงมีคนทำหนังที่ตั้งใจทำงานแบบนั้นออกมาอย่างเคร่งครัด แต่ผมเป็นพวกชอบสร้างความประหลาดใจให้คนดูจากหนังที่เลือกทำ ไม่มีการทำซ้ำตัวเอง เพื่อเป็นบางสิ่งไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา”
และคงมีผู้กำกับน้อยคนที่จะสร้างความประหลาดใจได้มากกว่าผู้กำกับชาวออสเตรเลียนรายนี้ เมื่อไม่ง่ายนักที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างฉับพลันขนาดนี้ เพราะหลังทำหนังฆาตกรฆ่าต่อเนื่องที่มีตัวตนจริงๆ แบบฮาร์ดคอร์ Snowtown เคอร์เซลสานต่อด้วย Macbeth ที่สร้างจากงานของเชคสเพียร์สที่ดูดีเมื่อปีที่ผ่านมา และปีนี้เขาเลือกทำหนังที่ดัดแปลงจากวิดีโอเกมภาคต่อ Assassin’s Creed ที่ขายได้มากกว่า 78 ล้านก็อปปีทั่วโลก หากก็ยังพอพูดได้ว่า หนังทั้งสามเรื่องต่างมีํธีมที่เชื่อมต่อกัน เมื่อต่างเป็นเรื่องของผู้ชายสภาพจิตใจแตกร้าว ที่ต้องเผชิญหน้ากับความรุนแรงอย่างที่สุด แต่ก็ยังคงมีข้อสงสัยอีกว่า ผู้กำกับสายจริงจัง จะเอาวิดีโอเกมที่มีคนชื่นชอบมาทำเป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ ที่เกเมอร์อยากเห็นได้ยังไง?
ประสบการณ์ในการดัดแปลงเรื่องราวที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ ของเขา เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่า ถึงแม้คอเกม Assassin’s Creed จะมีเสียงดังกว่าแฟนของเชคสเพียร์ แต่เคอร์เซลก็เลี่ยงคำตำหนิทั้งหลาย ด้วยการสร้างฮีโรรวมไปถึงเรื่องราวขึ้นมาใหม่ มากกว่าจะไปดัดแปลงแต่ละตอนของเกม ซึ่งในหนังคัลลัม ลินช์ (ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์) จะถูกส่งกลับไปสำรวจความทรงจำถึงบรรพบุรุษนักฆ่าของตัวเอง ที่นำไปสู่จุดจบขององค์กรหน้าฉากของพวกอัศวินเทมพลาร์ที่ชื่อ แอบสเตอร์โก ซึ่งมีมาริญง โกติญาร์ดเป็นหัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์
โฟกัสจริงๆ ในการทำงานของเคอร์เซลคือ ทำเกมให้สมจริงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยฉากในโลกยุคใหม่จะถ่ายทำกันที่โรงถ่ายไพน์วูด ส่วนยุคโบราณจะไปถ่ายทำถึงวาเลตตา, มอลตา ที่สภาพอากาศร้อนแบบแห้งๆ และสถาปัตยกรรมแปลกตา ทำให้หนังมีลักษณะของงานแบบริดลีย์ สก็อทท์อยู่ในตัว ส่วนขนาดของหนังก็ใหญ่กว่าทุกเรื่องที่เคอร์เซลเคยทำมาก่อนหน้า “คุณน่าจะมองเห็น” ผู้กำกับเอ่ยขึ้น ระหว่างให้สัมภาษณ์ในกองถ่าย เมื่อเดือนกันยายน 2558 “วันนี้ผมมีตัวประกอบรายล้อมมากกว่า 900 คน มีความกดดันที่รู้สึกได้ผ่านการทำงานทั้งหมด แต่ในเวลาเดียวกัน ผมมีริชาร์ด (วีแลน – ผู้ช่วยผู้กำกับหนึ่ง) ที่เคยทำงานด้วยกันใน Macbeth มีอดัม (อาร์คาพอว์ – ตากล้อง) ที่ทำงานใน Macbeth และSnowtown มันเลยมีความคุ้นเคยในการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอดมาก”
ขณะที่ผู้คนกลุ่มใหญ่ พากันล้อมวงดูฟาสส์เบนเดอร์เผชิญกับการสอบสวน อากาศเริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เคอร์เซลก็ยังไม่หยุดคุย “มีอยู่ 2-3 ครั้ง ที่ผมถึงกับหยิกตัวเอง แล้วอุทานออกมา” เขาหยุด ก่อนจะพูดต่อ “ในชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ผมไม่เคยใช้โดรนมาก่อนเลย แต่ภายในเวลาแค่ 2 สัปดาห์ ผมใช้มันไปแล้ว 5-6 ครั้ง แต่พองานจบ มันก็เป็นเรื่องของการเล่าเรื่อง และการถ่ายภาพ”
โดรนเหล่านั้นบินไปทั่ววาเลตตา ขณะที่ฟาสส์เบนเดอร์ต้องวิ่งอยู่บนหลังคา โลดโผนโจนทะยาน ด้วยลีลาเฉพาะตัวแบบในเกมเท่าที่จะทำได้ แม้ตัวหนังจะใหญ่ และมีแนวทางแตกต่างจากที่เคยทำ แต่เคอร์เซลยังตั้งใจจะทำให้เต็มไปด้วยความดุเดือดเลือดพล่าน ซึ่งเชื่อว่านั่นละที่เป็นตราประทับของเขาที่เห็นกันในงานแต่ละชิ้น
จากเรื่อง หนังจากวิดีโอเกมดัง ที่เต็มไปด้วยทีมงานระดับรางวัล ASSASSIN’S CREED โดย ฉัตรเกล้า นิตยสาร เอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1222 ปักษ์หลัง ธันวาคม 2559
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่