ในการประชุมคณะกรรมการบริหารของสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กรรมการ 54 คน ร่วมกันลงคะแนนให้มีการเพิ่มรางวัลออสการ์สาขาใหม่ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางทีอาจจะเป็นเรื่องที่แย่มากกว่าดี โดยอย่างที่รู้กันว่า ทางสถาบันศิลปะวิทยาการภาพยนตร์มีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการดึงผู้ชมเด็กๆ มาชมการถ่ายทอดสดงานประกาศรางวัล และเพื่อให้รางวัลออสการ์ยังคงมีความสำคัญ ถึงแม้สำหรับบรรดาคอหนังทั้งหลายที่ให้ความสนใจกับรางวัลออสการ์ ต่างก็รู้สึกโอเคแล้วจากการให้รางวัลกับหนังที่สร้างสีสันให้กับวงการได้ดีอย่าง Moonlight และ Mad Max: Fury Road
แต่กับอะคาเดมี บางทีแค่นั้นอาจจะไม่พอ และทำให้คณะกรรมการดูแลการจัดงานประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงรางวัล โดยจะมีการเพิ่มสาขาใหม่เข้าไปอีกหนึ่งสาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดนิยมที่มีความโดดเด่น (Outstanding Achievement in Popular Film) รวมไปถึงลดเวลาในการถ่ายทอดสดให้น้อยลง โดยจะกินเวลาในการถ่ายทอดสดเพียง 3 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่ารางวัลในบางสาขาจะมีการประกาศและมอบให้โดยไม่ได้รับการออกอากาศ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงของการโฆษณา แล้วระหว่างการออกอากาศการขึ้นพูดรับรางวัลที่เด่นๆ จะถูกตัดภาพมาให้ชมกัน ทั้งหมดก็เพื่อจะทำให้มีผู้ชมมากขึ้น เพราะคงมีคนไม่มากนักที่อยากจะนั่งจมอยู่ที่หน้าโทรทัศน์ ชมการถ่ายทำที่กินเวลากว่าชั่วโมง
นอกจากนี้งานประกาศรางวัลในปี 2020 จะมีการจัดให้เร็วขึ้นจาก 23 กุมภาพันธ์ เป็น 9 กุมภาพันธ์ โดยก่อนหน้านี้ออสการ์เคยจัดงานกันในเดือนพฤษภาคม แล้วก็ย้ายมาเป็นเมษายน จากนั้นก็เป็นมีนาคม ทำให้ระยะเวลาในการลงคะแนนสั้นลงไปด้วย แต่จะทำให้ออสการ์จัดงานประกาศรางวัลก่อนบรรดาคู่แข่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ลูกโลกทองคำ, รางวัลของสมาคมนักแสดง, รางวัลสปิริต อวอร์ดส์ และรางวัลของนักวิจารณ์ ที่บ่อยครั้งมักจะเป็นภาพยนตร์หรือคนทำงาน รวมไปถึงนักแสดงหน้าซ้ำๆ กับที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ทำให้ตัวงานขาดความน่าตื่นเต้น และดูเหมือนงานมารับรางวัลซะมากกว่า
บางทีนี่อาจเป็นการลดความกดดันจากเอบีซี ซึ่งเจอกับเรทติ้งผู้ชมที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์การถ่ายทอดรางวัลออสการ์ แต่หากดูกันจริงๆ สัญญาณเตือนการเปลี่ยนแปลงนั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 2008 มื่อ The Dark Knight เหมือนเป็นของตายสำหรับการได้เข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยม แต่การทำงานอย่างหนักของเดอะ ไวน์สไตน์ คอมพานี ทำให้ The Reader เบียดมาเข้าชิงแทน ปีถัดมาออสการ์ขยับขยายรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วยการเปิดโอกาสให้หนังในกระแสได้เข้าชิงมากขึ้น จากรายชื่อผู้เข้าชิงที่มากถึง 10 เรื่อง ทำให้หนังอย่าง Avatar, Inception, Toy Story 3 และ District 9 ได้รับความรักจากออสการ์ ซึ่งบางทีหากเป็นก่อนหน้านี้พวกเขาคงไม่มีทางได้รับ แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นไปอย่างที่หวังกันไว้เพียงแค่ปี 2009 ที่มีหนังอย่าง Up, District 9 และ The Blind Side ได้เข้าชิงรางวัล แต่หลังจากนั้น การเพิ่มรายชื่อผู้เข้าชิงสาขาหนังยอดเยี่ยม กลายเป็นการเพิ่มโอกาสให้หนังอาร์ตและหนังอินดี ที่ไม่มีใครเคยรู้จักมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าหนังอย่าง Beasts of the Southern Wild และ Whiplash ไม่สมควรได้รับเกียรตินี้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่อะคาเดมีคิดเอาไว้ในตอนที่ตัดสินใจเพิ่มรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยม
ถือว่าผลลัพธ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ล้มเหลว ซึ่งทางแก้ที่ใครๆ รู้สึกก็คือ กลับไปหารายชื่อผู้เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมแค่ 5 เรื่องเหมือนเดิม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่อะคาเดมีกำลังทำ เพราะนอกจากจะไม่ทำอย่างที่ใครๆ มองแล้ว พวกเขาเลือกจะเพิ่มรางวัลสำหรับหนัง ‘ฮิต’ แทน ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้วมันน่าจะเป็นความคิดที่แย่มากกว่าดี อย่างแรกที่มองเห็นก็คือ มันทำให้หนังบล็อคบัสเตอร์ดูมีค่าไม่พอที่จะไปนั่งในเก้าอี้ที่เตรียมไว้สำหรับผู้ใหญ่ พวกเขาต้องนั่งในที่พิเศษที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ ทั้งๆ ที่บรรดาหนังอย่าง Wonder Woman และ Black Panther กำลังตกเป็นที่ถกเถียงว่า หนังซูเปอร์ฮีโรน่าจะมีวันของพวกเขาท่ามกลางแสงของออสการ์ซะที ซึ่งบางทีอะคาเดมีก็คงได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของพวกเขา เลยเพิ่มรางวัลที่คงจะถูกเรียกว่าเป็น หนังบล็อคบัสเตอร์ยอดเยี่ยมขึ้นมา ตามอีเมลที่แจ้งไปทางสมาชิกของอะคาเดมีทั้งหลาย และทำให้ข้อถกเถียงเรื่องหนังซูเปอร์ฮีโรก่อนหน้านี้ตกไป และคำถามถึงอนาคตของออสการ์เข้ามาแทนที่
โดยปีนี้มีการมองว่าคนทำหนังซูเปอร์ฮีโรน่าสมควรจะเข้าไปมีส่วนในช่วงเวลาของออสการ์ได้แล้ว โดยมีหนังอย่าง Black Panther ที่เป็นทั้งหนังทำเงินและได้รับคำวิจารณ์เลอเลิศ มีค่าควรได้รับเกียรตินี้ แต่กับการที่มีสาขาภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมยอดเยี่ยมขึ้นมา ทางอะคาเดมีสามารถยกย่อง Black Panther ได้โดยไม่ต้องให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยม มองเผินๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ หนังยอดนิยมทั้งหลายจะต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อที่จะได้รับการยอมรับในรางวัลที่สมควรได้จริงๆ แล้วยังต้องมีการถกกันอย่างจริงๆ จังๆ มากกว่านี้ นอกจากนี้รายละเอียดของหนังที่มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลใหม่ที่ว่าก็ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่ก็ทำให้หลายๆ คนสงสัยว่า ถ้ามีรางวัลนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หนังอย่าง Mad Max: Fury Road, Inception หรือ The Martian อาจจะไม่ได้เข้าชิงออสการ์หนังยอดเยี่ยมก็เป็นได้ แล้วถ้าหนังอย่าง Mission: Impossible – Fallout หรือ Black Panther ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังยอดเยี่ยมของปี พวกเขาไม่จำเป็นต้องถูกมองว่าเป็นหนังยอดนิยมแล้วใช่ไหม หรือกระทั่ง The Dark Knight ถึงแม้จะมีความแตกต่างจาก Moonlight มากมาย แต่เอาเข้าจริงๆ มองในแง่ของการทำงาน หนังทั้งสองเรื่องต่างก็เป็นการทำงานที่น่าเหลือเชื่อของคนทำหนังไม่ต่างกัน
แม้ในเวลาต่อมาทางอะคาเดมีจะออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับหนังที่มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลให้กระจ่างขึ้น โดยระบุว่า หนังเรื่องหนึ่งสามารถเข้าชิงได้ทั้งรางวัลหนังยอดนิยมที่มีความโดดเด่น และหนังยอดเยี่ยม และสาขาใหม่นี้จะถูกเพิ่มเข้ามาในการประกาศรางวัลครั้งที่ 91 ถึงกระนั้นรายละเอียดก็ยังดูสับสน ที่ชัดเจนก็คงเป็นเรื่องความตั้งใจของอะคาเดมี หากยังจำกันได้ครั้งหนึ่งผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงรางวัลออสการ์ เคยโหวตให้ Titanic หรือ Gladiator เป็นหนังยอดเยี่ยมมาแล้ว แต่ในปีหลังๆ หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป หนังยอดเยี่ยมตกไปอยู่ในมือของหนังอย่าง Moonlight, Spotlight ส่วนปีล่าสุดก็เป็น The Shape of Water ที่เป็นงานในโลกของหนังอาร์ตเฮาส์ ที่อยู่คนละขั้วกับหนังฮิตๆ ที่ได้เสียงวิจารณ์ดีๆ เช่น Guardians of the Galaxy หรือ Star Wars: The Force Awakens ที่ได้แตะเวทีออสการ์แค่ในสาขาเกี่ยวเทคนิคงานสร้าง
ยิ่งไปกว่านั้น รางวัลที่มีความพยายามผลักดันให้อะคาเดมีเพิ่มเข้าไปจริงๆ ก็คือ รางวัลนักแสดงแทนยอดเยี่ยม (Best Stunts) หรือ การคัดเลือกนักแสดงยอดยี่ยม (Best Casting) ที่มีการเรียกร้องมาหลายปีแล้ว แต่ไปๆ มาๆ สิ่งที่อะคาเดมีเลือกจะเพิ่มก็คือ รางวัลหนังยอดนิยมที่มีความโดดเด่น ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นก็คือ “มันใช่เหรอ?”
การเพิ่มรางวัลสาขานี้เข้ามา ยังไม่ใช่การตัดสินแย่ๆ เพียงเรื่องเดียวของอะคาเดมี เพราะพวกเขายังเสนอให้มีการมอบรางวัลระหว่างพักโฆษณาในการถ่ายทอดสด เพื่อให้เวลาในการออกอากาศเหลือเพียงแค่ 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการหักหาญน้ำใจคนทำหนังและผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทุกคน การได้เข้าชิงออสการ์เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะได้ชิงหนังยอดเยี่ยมหรือเครื่องแต่งการยอดเยี่ยม มันคือการให้เกียรติยอดฝีมือทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพยนตร์สักเรื่องขึ้นมา แล้วจู่ๆ มันก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่ามากพอที่จะได้รับการออกอากาศ ซึ่งไม่ต่างไปจากการตบหน้าเข้าจังๆ ทุกคนรู้ดีว่างานออสการ์เป็นงานที่ยาว กินเวลานาน ทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ดี และมันก็แค่หนึ่งวันในหนึ่งปี พวกเขาสามารถจัดการกับมันได้ และที่แน่ๆ ก็คือรางวัลหนังยอดนิยมยอดเยี่ยมที่เพิ่มเข้ามา ก็จะอยู่ในช่วงของการถ่ายทอดสด เพื่อที่จะสร้างผู้ชมให้มากขึ้นหลังเจอกับเรทติ้งต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่การเพิ่มรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยมจาก 5 เป็น 10 เรื่อง ไม่สามารถดึงหนังฮิตๆ เข้ามาได้อย่างที่ว่าเอาไว้ข้างต้น
ที่น่าสนใจก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้ออสการ์กลายเป็นงานที่มีความคล้ายคลึงกับเอ็มทีวี มูฟวี อวอร์ดส์ (MTV Movie Awards) มากกว่าเดิม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอายมากๆ เพราะออสการ์น่าจะเป็นการแสดงความยินดี ชื่นชมกับภาพยนตร์ ไม่ใช่ต้องการความนิยมจากผู้ชมการถ่ายทอดสด การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ น่าจะสร้างรอยด่างให้กับอะคาเดมี มากกว่าคำสรรญเสริญชื่นชม
“ธุรกิจภาพยนตร์ตายไปแล้วในวันนี้ ด้วยการประกาศหนังยอดนิยมออสการ์” ร็อบ โลว์ นักแสดงชื่อดังทวีต “มันย่ำแย่มาหลายปี แต่ก็รอดมาได้ด้วยหนังภาคต่อ, หนังที่ทำขึ้นมาเพื่อขายให้ได้ และการรวมตัวทางธุรกิจในแนวดิ่ง”
เจมส์ ชามุส ซีอีโอของโฟกัส ฟีเจอร์ส ก็พูดในทำนองเดียวกัน “ตื่นเต้นเหลือเกินที่อะคาเดมีกำลังจะประกาศรางวัลใหม่ หนังออสการ์ยอดนิยม ในสปอตโทรทัศน์ที่ออกอากาศระหว่างช่วงพักโฆษณาของซูเปอร์โบลว์ มั่นใจเลยว่าเป็นไปได้ที่จะมีผู้ชมจำนวนมาก” เขาทวีต
โดยข้อตำหนิส่วนใหญ่ก็คือ อะคาเดมีไม่ได้ปรึกษากับบรรดาสมาชิกอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนที่จะประกาศอะไรออกมา แต่กลับเลือกที่จะลดขั้นตอนลงด้วยการถกกันในระดับคณะกรรมการ ที่มีแรงกดดันจากสถานีโทรทัศน์เป็นตัวกระตุ้น “พวกเขาน่าจะเปิดเรื่องนี้ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม” หนึ่งในผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนกล่าว “พวกเขาไม่ฟังสมาชิก พวกเขาฟังแค่คนที่ดำเนินงานประกาศรางวัล”
ความเห็นหนึ่งบอกว่า “ถ้าผมกำลังจะทำอะไร ผมคงนั่งลงคุยกันตัวต่อตัวกับคนสักกลุ่มหนึ่ง แล้วบอกว่า ‘เราอาจจะทำแบบนี้ คุณจะคิดยังไง?’ นี่มีคือวิชาประชาสัมพันธ์เบื้องต้นง่ายๆ”
บรรณาธิการเรื่องรางวัลของเว็บไซต์ อินดีไวร์ – แอนน์ ธอมป์สัน พูดถึงการมอบรางวัลนี้ว่า เป็น “ความพยายามสร้างเรทติ้งที่สิ้นหวัง” บรรดานักข่าวสายภาพยนตร์มองการตัดสินใจเพิ่มสาขาภาพยนตร์ยอดนิยมว่า ปัญหามันอยู่ตรงที่การจับหนังบล็อคบัสเตอร์มาอยู่ตรงนี้ เหมือนกับกำลังบอกเป็นนัยๆ ว่า หนังเหล่านี้ไม่ได้มีความเป็นศิลปะมากเท่ากับบรรดาหนังอินดีที่ได้เข้าชิงหนังยอดเยี่ยม “เช่นเดียวกับรางวัลหนังยอดนิยม มันเป็นเหมือนแหล่งเสื่อมโทรมและจะถูกรับรู้ในแบบนี้” มาร์ค แฮร์ริส นักข่าวสานภาพยนตร์ทวีต “ลองภาพว่าพวกเขาให้รางวัลกันในปีนี้ ‘โอ… มันน่าชื่นชมจริงๆ ที่พวกไร้รสนิยมไปชม Black Panther แล้วตอนนี้มันก็สามารถคว้ารางวัลออสการ์ปลอมๆ ได้แล้วล่ะ!’ มันเป็นเหมือนการตบเข้าไปที่หัวของทุกคนที่ไปดูเลยนะ”
การประกาศเพิ่มรางวัลหนังยอดนิยมขึ้นมาก่อนหน้าที่ฤดูของการมอบรางวัลจะเริ่มขึ้น ในปีที่ Black Panther ถูกมองว่า เป็นคู่แข่งสำคัญในรางวัลหนังยอดเยี่ยมได้ ทำให้เกิดกระแสตีกลับไปที่อะคาเดมี โดย Black Panther เป็นหนังที่ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงชื่นชม และเป็นหนังเรื่องที่สามในประวัติศาสตร์หนังทำเงินของอเมริกาที่ทำรายได้ผ่าน 700 ล้านเหรียญในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนังไร้สมองสำหรับรางวัลหนังยอดนิยม
ที่บรรดานักข่าวห่วงๆ กันก็คือ การจับ Black Panther ไปอยู่ในสาขาหนังยอดนิยมจะเป็นการทำร้ายโอกาสในการถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาสำคัญหลักๆ ซึ่งได้รับการให้ความสำคัญมากกว่า แม้ทางอะคาเดมีจะออกแถลงการณ์ตามมา เพื่อสร้างความกระจ่างให้มากขึ้น ว่าหนังเรื่องหนึ่งสามารถเข้าชิงได้ทั้งรางวัลหนังยอดเยี่ยมและรางวัลใหม่-หนังยอดนิยม ไม่จำเป็นต้องเข้าชิงแค่รางวัลเดียวเท่านั้น อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้น แต่ก็ยังไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์ออกมา ทำให้ทุกอย่างยังคงคลุมเครือเหมือนเดิม
“ผมรู้สึกว่า ตัวเองไม่มีข้อมูลอะไรในมือเลย ผมเลยไม่รู้ว่าจะพูดถึงมันยังไงดี” ผู้ให้ความเห็นรายหนึ่งกล่าว เมื่อพยายามจะบอกว่าการประกาศเพิ่มรางวัลใหม่ของอะคาเดมีส่งผลอะไรบ้างกับการทำงานของเขา
ซึ่งเราก็คงต้องดูกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วอะคาเดมีจะยืนกรานการตัดสินใจเดิมหรือไม่ ถ้ายังเดินหน้าต่อ หลักเกณฑ์อะไรที่จะนำมาใช้จัดว่า หนังเรื่องนั้น หรือเรื่องนี้เป็นหนังยอดนิยม เพราะอย่าลืมว่า ถึงแม้จะเป็นหนังอินดี แต่หนังอย่าง La La Land ก็ประสบความสำเร็จในระดับร้อยล้าน ซึ่งก็มากพอจะเป็นหนังยอดนิยมเช่นกัน
อัพเดท: ล่าสุดทางอะคาเดมี ประกาศมาแล้วว่าจะไม่เพิ่มสาขาหนังยอดนิยมในปีนี้
โดย ฉัตรเกล้า เรื่อง เมื่อออสการ์เพิ่มสาขาหนังยอดนิยม และการปรับเวลาในการออกอากาศงานประกาศรางวัล นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1262 ปักษ์หลัง สิงหาคม 2561
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่