22 JUMP STREET: ภาคแรกไม่ได้ฉายบ้านเรา แต่ไม่ต้องห่วงเพราะหนังให้เวลากับการเล่าย้อนหลังแบบไม่ต้องกลัวดูไม่รู้เรื่อง แล้วก็ปรับเข้าสู่โหมดของหน้งภาคสอง ที่ทุกอย่าง (เกือบ) เหมือนภาคแรก เอากันตั้งแต่พล็อต ที่เหมือนกับทำซ้ำ แต่ย้ายโบสถ์ในการปฏิบัติงานมาฝั่งตรงข้าม ตามด้วยให้ 2 ตำรวจตัวแสบไปทำงานที่ใหม่ จากโรงเรียนไฮสคูลในภาคก่อนมาเป็นมหาวิทยาลัยในภาคนี้
แต่อย่าคิดว่าจะซ้ำกันเด๊ะๆ จากหนังคำรวจคู่ฮาขายฮาแบบที่ฮิตกันในยุค 80s หนังภาคนี้เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นหนังล้อเลียน เสียดสี ทั้งบรรดาหนังคู่หูตำรวจทั้งหลาย หนังภาคต่อ ที่เล่นมุขกับคอนเส็ปท์ที่ว่า ปฏิบัติการในเรื่องครั้งนี้ก็เหมือนหนังภาคต่อ ที่ระเบิดต้องลูกใหญ่ขึ้น ลงทุนมากขึ้น แต่เนื้อเรื่องเหมือนเดิม… (แสบไหมละ) แล้วก็แน่นอนจิกกัดตัวเองไปพร้อมๆ กัน
หนังมาพร้อมกับมุขต่อมุขที่ฮาได้สะเด็ดน้ำอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้มีแค่มุขให้ได้ขำ หนังยังมีเรื่องราวของตัวเอง ที่มีทั้งเรื่องการค้นหาความต้องการของตัวเองของตัวละคร ความขัดแย้งเรื่องทัศนคติของพวกเขา ที่ทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหา และเรื่องโรแมนติกที่กลายมาเป็นเรื่องฮาจนแทบตกเก้าอี้
กระทั่งในช่วงเครดิตท้ายเรื่อง หนังก็ยังยิงมุขต่อเนื่องแบบไม่หยุด ถ้าหนังภาคสองคือทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ระเบิดลูกโตขึ้น ทุนสูงขึ้น 22 Jump Street นอกจากจะมาตามคอนเส็ปท์เป๊ะแล้ว ก็ยังมาพร้อมกับมุขแยะ ให้ฮาเยอะขึ้นกว่าเดิม
เป็นหนังขายความบันเทิงขนานแท้ ที่เล่นเอาคนเส้นลึก ไขมันหนา หนังด้าน มีหนังที่ฮาเต็มปากเต็มคำกับเขาได้เหมือนกัน
(หมายเหตุ: ความเปราะบางกับมุขตลกเป็นความอ่อนแอ และแข็งแรงเฉพาะตัว)
โดย นพปฎล พลศิลป์