CROUCHING TIGER, HIDDEN DRAGON: SWORD OF DESTINY: เคยเป็นโปรเจ็คท์ที่ถูกวางเอาไว้ว่าจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไป และโรงไอแม็กซ์ รวมไปถึงขึ้นจอของผู้ให้บริการสตรีมมิงพร้อมๆ กัน หากท้ายที่สุดหนังภาคต่อของ Crouching Tiger, Hidden Dragon ก็จบด้วยการเป็นหนังเน็ทฟลิกซ์ ที่เข้าไปอยู่ในระบบอย่างเงียบๆ ที่หากไม่เผลอไปกดดูรายชื่อของหนังเอเชียนเล่น ก็คงไม่เจอหนังเรื่องนี้ ที่ในความทรงจำนั้นลืมเลือนไปเรียบร้อยแล้ว
ตัวละครจากหนังภาคแรกกลับมาเพียงรายเดียวคือ หยู ชูเลียนของมิเชลล์ โหยว เพื่อมาเคารพศพของผู้ใหญ่ที่ตัวเองนับถือและเป็นผู้ดูแลดาบของหลี่ มูไบ๋ คนรักผู้จากไปของเธอเอาไว้ ที่ตกเป็นเป้าหมายในการช่วงชิงจากพวกอธรรม ที่ได้ส่งเด็กหนุ่มที่ชื่อหวีฟางเข้ามาขโมยก่อนที่จะถูกจับได้ ทำให้พวกเหล่าร้ายเตรียมการบุกครั้งใหญ่ จนชูเหลียนต้องประกาศขอความช่วยเหลือ และหนึ่งในผู้กล้าที่ยื่นมือเข้ามาก็คือ เม้ง ซีเฉา เจ้าของฉายาหมาป่าไร้เสียง จอมยุทธที่หลงรักชูเหลียน และเธอเชื่อว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว กับเหล่ายอดฝีมือฝ่ายคุณธรรมอีกจำนวนหนึ่ง
หากไม่นับตัวละครของมิเชลล์ โหยว รวมไปถึงดาบของหลี่ มูไบ๋ที่ในหนังภาคแรกได้โจว หยุนฟะรับบท หนัง Crouching Tiger, Hidden Dragon: Green Destiny ก็แทบไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ กับหนังต้นฉบับเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นผู้ชมรุ่นใหม่ที่ไม่เคยผ่านตาหนังออสการ์ของอัง ลีเรื่องที่ว่า ก็น่าจะสนุกกับเรื่องราวของหนังภาคนี้ได้ไม่ยาก ขณะที่เนื้อหาเรื่องราวนั้น จะว่าไปแล้วก็ทำให้นึกถึงงานหนังตะวันตก ที่ว่าด้วยเหล่าผู้กล้าจำเป็นที่เต็มไปด้วยคุณธรรม ผู้มารวมตัวกันเพื่อรับมือการมาเยือนของเหล่าร้ายเพื่อต้องการสิ่งของบางอย่าง ซึ่งหนังก็ไม่ได้บางเบามีเพียงแค่ประเด็นเดียวให้เล่าหรือเป็นจุดสนใจ ยังมีเรื่องโรแมนติกของชูเหลียนและซีเฉา รวมไปถึงชาติกำเนิดของหวี่ฟาง ให้ได้ติดตาม แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ลุ่มลึกอะไรมากมายนัก เมื่อเทียบกับสิ่งที่หนังต้นฉบับนำเสนอ แถมยังออกพะรุงพะรังด้วยซ้ำไปในบางที
ทำให้ความสำคัญของหนังไปอยู่กับเรื่องราวในส่วนของการช่วงชิงดาบเล่มสำคัญ ที่นำไปสู่ฉากแอ็คชันใหญ่ๆ มากมาย ซึ่งที่ได้เห็นแม้จะยังคงออกมาตามมาตรฐานของหนังจีนกำลังภายในยุคใหม่ชั้นดี แต่ก็ดูจะด้อยความงดงาม หรือว่าแช่มช้อยไปเยอะ แต่ถ้าชอบฉากการต่อสู้ที่ดูเข้มแข็ง หนักแน่นละก็ งานกำกับของหยวน หวูปิง ผู้กำกับคิวบู๊ของหนังภาคแรก ที่ขึ้นมากินตำแหน่งใหญ่ขึ้นในหนังภาคนี้ก็น่าจะทำให้เพลิดเพลินได้
แต่เพราะเรื่องราวของหนังหลวมโพรกพราก ฉากแอ็คชันทั้งหลายจึงไม่สามารถทดแทนการขาดหายไปในส่วนของเนื้อหาได้สำเร็จ และทำให้หากไม่มีชื่อของ Crouching Tiger, Hidden Dragon ปะหัวไว้ และไม่ได้บอกที่มาของดาบเจ้าปัญหา แล้วไม่ท้าวความไปถึงหนังต้นฉบับผ่านหยู ชูเหลียน Crouching Tiger, Hidden Dragon: Sword of Destiny ก็ไม่ต่างอะไรจากหนังกำลังภายใน ที่สร้างขึ้นมาตามกระแสความสำเร็จของหนังดังเรื่องนั้น ซึ่งไม่ควรตั้งความคาดหวังอันใด
ทั้งที่จริงๆ แล้ว แค่หนังเปิดตัวด้วยการมีหน้าตาเป็นหนังจีนกำลังภายใน แต่ตัวละครพูดภาษาอังกฤษกันปร๋อ กับหลายๆ คน มันก็ถือเป็นความล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นออกจากจุดสตาร์ทก็ว่าได้
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1266 ปักษ์หลังตุลาคม 2561
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่