ในช่วงที่กลายเป็นพระเอกสว. งานส่วนใหญ่ของเลียม นีสัน ถ้าไม่รับบทแบบอาจารย์ของตัวละครเอก บทพิมพ์นิยมอีกบทก็คงไม่พ้นอดีตทหารผ่านศึก หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษอะไรสักอย่าง ที่ชีวิตแทนที่จะได้อยู่อย่างสงบๆ ก็ต้องกลับมาใช้ทักษะที่มีอยู่ในตัว มาช่วยเหลือครอบครัว, ตัวเอง หรือคนรอบข้าง และกับ The Marksman หนังเรื่องใหม่ของนีสัน ก็ไม่ฉีกไปจากสูตรสำเร็จที่ว่า
คราวนี้ นีสันรับบทเป็นอดีตนาวิกโยธิน – จิม แฮนสัน พ่อม่ายเมียตาย ที่ที่ดินกำลังจะถูกธนาคารยึด เพราะเขาเอาไปจำนองเพื่อนำเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ด้วยชีวิตที่อยู่ตามแนวชายแดนสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก ทำให้จิมเจอพวกหลบหนีข้ามแดนแทบทุกวัน ซึ่งเขาจะแจ้งให้ซาราห์ลูกสาวที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องคนหลบหนีข้ามแดนรับหน้าที่ต่อ แต่เมื่อเขาเจอกับสองแม่-ลูก ที่หนีแก๊งค้ายาข้ามแดนมา แล้วถูกพวกแก๊งตามล่า แม่ถูกยิงจนเสียชีวิต หากก็ฝากฝังให้จิมพามิเกล – ลูกชายไปส่งญาติที่ชิคาโก จิมก็ตัดสินใจช่วยเด็กชายคนนี้ หลังจากที่ลังเลในตอนแรก เมื่อรู้ว่าเขายังเป็นเป้าสังหารของพวกแก๊ง พร้อมทั้งโอกาสได้เงินก้อนใหญ่ที่แม่มิเกลทิ้งไว้ให้
ขณะที่ฝั่งแก๊งค้ายาเม็กซิกัน นอกจากจะตั้งใจเก็บมิเกลเพื่อฆ่ายกครัวแล้ว ตัวหัวหน้ากลุ่ม – มัวริซิโอ ยังต้องการล้างแค้นให้กับน้องชาย ที่ถูกจิมฆ่าเมื่อคราวช่วยมิเกลกับแม่ และทำให้จิมตกเป็นเป้าในการตามล่า ทั้งของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และจากแก๊งค้ายา
หนังมีความเป็นงานโรดทริปในตัว เมื่อรุ่นเก๋ากับรุ่นหลานต้องเรียนรู้กันระหว่างการเดินทาง ที่ทำให้เขาได้รู้จักและเข้าใจชีวิตของเด็กชายคนนี้มากขึ้น จนถึงทุ่มสุดตัวเพื่อพาเขาไปถึงเป้าหมายให้ได้ ขณะฝ่ายแก๊งค้ายา ก็มาพร้อมกับความเหี้ยมโหด ที่กลายเป็นตัวลุ้นให้ชายสูงวัยกับเด็กหาทางรอดให้ได้ โดยเฉพาะเมื่อจิมปล่อยทิ้งหลักฐานให้ได้แกะรอยเรี่ยราดไปหมดระหว่างการเดินทาง รวมถึงอุปสรรคจากพาหนะและการใช้ชีวิตที่ติดอยู่กับโลกเก่ามานานของจิม ที่ช่วยให้มัวริซิโอกับพรรคพวกเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น
เรื่องราวของหนังไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่คาดเดากันได้ แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หนังเต็มไปด้วยรูรั่วของพล็อตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแกะรอยของฝ่ายเจ้าหน้าที่ ที่หละหลวมเหลือเกิน ทั้งที่ตัวเองมีข้อมูลของจิมเกือบหมด แต่กลับทำได้เชื่องช้า และไม่ทันท่วงที เท่ากับฝ่ายของแก๊งนอกกฎหมาย ส่วนพฤติกรรมของจิม ก็เป็นคนดี เป็นฮีโรสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้มิเกลได้ทำพิธีรำลึกถึงแม่ หรือว่ายอมทิ้งเงินก้อนโต เพื่อแสดงความจริงใจให้เด็กชายได้เห็น
ก่อนที่จะอาศัยลูกเก๋า ทำให้เรื่องราวจบลงในแบบ Happy Ending ได้สำเร็จ
ตัวละครจิม แฮนสัน ที่เลียม นีสันเล่นก็ไม่ต่างจากที่เห็นในหนังอีกหลายๆ เรื่อง ชายสูงวัยที่ชีวิตอ่อนล้า ไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรในชีวิต อยู่แบบไปวันๆ ซึ่งในแง่ของการแสดงนีสันแทบจะหลับตาเล่นเลยด้วยซ้ำ เพราะแทบไม่ต่างไปจากที่เขารับบทในหนังอีกหลายๆ เรื่อง หากอย่างน้อยด้วยคุณภาพการแสดงระดับเขา ก็ทำให้จิม แฮนสันเป็นตัวละครในแบบที่ควรเป็นจริงๆ ขณะที่เจ้าหนู โจ เปเรซ ที่รับบทมิเกล ก็เล่นเข้าคู่กับนีสันได้อย่างน่าพอใจ แม้อาจจะไม่ถึงกับเยี่ยมยอดหรือมีอะไรให้พูดถึงมากนัก แต่ก็ไม่ทำให้พัฒนาการในเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูไม่น่าเชื่อถือ
หนังมีมุขขำๆ ที่ทำใช้ประโยคจากคำพูดติดปากที่กลายเป็นมีม (Meme) ของตัวละครมาเล่น กับสถานการณ์แบบ John Wick ให้ได้ลุ้นว่าเรื่องราวจะถึงจุดเดือดได้ขนาดไหน เป็นสีสันเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้งานซึ่งไม่มีอะไรที่น่าจดจำมากนักเรื่องนี้ เป็นงานที่ทำให้โปรไฟล์ของนักแสดงนำดูดีกว่าที่เป็นอยู่ขึ้นมาได้
[The Marksman ในโรงภาพยนตร์]
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสารเอนเตอร์เทนฉบับที่ 1324 ปักษ์หลังมีนาคม 2564