By Sadaos
ประวิทย์ แต่งอักษร หรือ หลายๆ คนอาจจะเรียกว่า อ. ประวิทย์ แต่งอักษร เป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์ ระดับหัวแถวคนหนึ่งของเมืองไทย และแน่นอนเป็นอาจารย์ในวิชาเกี่ยวกับภาพยนตร์ในหลายๆ สถาบันด้วย ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ย่อมมีผลงานภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องที่ได้ชม และนี่คือที่เจ้าตัวได้คัดสรรมาแล้วว่า ชอบ รวม 20 เรื่อง เรียงตามตัวอักษร พร้อมความเห็นสั้นๆ ในประโยคคำพูด
THE ACT OF KILLING
“The Years of Living Dangerously”
หนังสารคดีของผู้กำกับ โจชัว ออพเพนไอเมอร์, คริสตีน ซินน์ และผู้กำกับร่วมที่ไม่ระบุชื่อ โดยเป็นผลงานร่วมสร้างของเดนมาร์ค – อังกฤษ และนอร์เวย์ ที่ว่าด้วยเรื่องของผู้นำกองกำลังทหารบ้านที่ปลิดชีพชาวอินโดนีเซียอย่างน้อยๆ ห้าแสนคนในการกวาดล้างคอมมิวนิสต์ช่วง พ.ศ. 2508 ที่จะมาบอกเล่าว่า พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำในครั้งนั้นอย่างไร หนังใช้เวลาถ่ายทำกว่า 7 ปี ในอินโดนีเซีย ติดตามเรื่องราวของเหล่าอดีตผู้นำกองกำลังทหารบ้านที่ไล่ล่าพวกคอมมิวนิสต์ ฟังคนเหล่านี้เล่าถึงประสบการณ์การทรมานเหยื่อ ข่มขืน และฆ่า
AMERICAN HUSTLE
“Oh, I♥70’s”
สร้างจากเรื่องจริงทีเกิดขึ้นในตอนปลายยุค 70 – ต้นยุค 80 เรื่องราวของนักต้มตุ๋นอัจฉริยะ เออร์วิง โรเซนเฟล์ด และคนรัก ที่ต้องทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ FBI ริชชี ดีมาโค เพื่อเปิดโปง และกำจัดแก๊งต้มตุ๋นในปฏิบัติการที่มีชื่อว่า ‘ABSCAM’ ซึ่งจะทำให้พวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับโลกมืด ทั้งมาเฟีย การพนัน เหล่านักการเมือง และแผนลับแผนลวงที่สุดเหลือเชื่อ
BEFORE MIDNIGHT
“สุดท้าย ความรักจบลงที่แหนงหน่าย… สุดท้าย ความรักจบลงที่ร้างลา…”
การกลับมาสานต่อเรื่องราวจาก Before Sunrise และ Before Sunset ของผู้กำกับ ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ และสองนักแสดงนำ อีธาน ฮอว์ค และจูลี เดลพี ที่กลับมารับบท เจสซี และซีลีน ให้คอหนังได้ติดตามความสัมพันธ์ หนังที่จับเหตุการณ์ต่อจากเรื่องราวใน Before Sunset เมื่อทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และได้มีโอกาสสานความสัมพันธ์กันอีก
BLANCANIEVES
“SNOW ‘black and WHITE and silent’”
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่เคยได้เห็นหน้าแม่แท้ๆ ของตัวเอง เธอได้เรียนรู้ศิลปะในการสู้วัวกระทิงจากพ่อ แต่แม่เลี้ยงใจร้ายเกลียดชังเธอ เธอจึงหนีไปกับเหล่าคนแคระ เรื่องราวของเธอได้กลายเป็นตำนานในเวลาต่อมา หนังดัดแปลงจากนิทานเรื่องสโนว์ไวท์ อันโด่งดัง และเป็นการคารวะต่อภาพยนตร์ในยุคหนังเงียบ และเป็นคือตัวแทนของสเปนที่ส่งเข้าชิงชัยรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในปี 2012
BLUE IS THE WARMEST COLOR
“Blue, blue, my world is blue… Blue is my world now I’m without you…”
สร้างจากนิยายภาพชื่อเดียวกันของนักเขียนหญิงชาวฝรั่งเศส จูลี มาโรห์ เล่าเรื่องของ อเดล หญิงสาววัย 17 ช่างฝัน รักการอ่านหนังสือ และมีชีวิตแบบอุดมคติ ซึ่งเพิ่งเลิกราจากแฟนหนุ่ม และเมื่อเธอไปเที่ยวบาร์เลสเบียนกับเพื่อนสาว เธอก็ได้พบกับ เอมมา หญิงสาวบุคลิกสุดห้าวที่ย้อมผมสีฟ้า โดดเด่นสะดุดตา นักเรียนศิลปะ ที่อเดลตกหลุมรักในทันที และทำให้ทั้งคู่ผูกพัน รักกันมาจนถึงช่วงวัยทำงาน ที่ชีวิตมีมากกว่าเรื่องสวยงาม ทำให้ชีวิตรักของทั้งสองคนมาถึงจุดเปลี่ยน
BLUE JASMINE
“I have always depended on the kindness of strangers, always…”
ผลงานใหม่ของวูดี อัลเลน ที่ว่ากันว่าจะทำให้เคท แบลงเช็ทท์ คว้ารางวัลออสการ์ ดารานำหญิงตัวแรกในชีวิตมาครอง กับเรื่องราวของผู้หญิงจิตตก ชีวิตดำดิ่งคนหนึ่ง หลังชีวิตคู่กับ ฮัล (อเล็ค บอลด์วิน) นักธุรกิจพันล้านต้องล่มสลาย จัสมิน (เคท แบลงเช็ทท์) สาวสังคมจากนิวยอร์ค ย้ายมาอยู่กับน้องสาว จินเจอร์ (แซลลี่ ฮอว์กินส์) ที่อพาร์ทเม้นท์เล็กๆ ในซาน ฟรานซิสโก ท่ามกลางความไม่ไว้ใจของว่าที่น้องเขย และไม่นานนักจัสมิน ก็เผยให้เห็นถึงนิสัยที่ทำให้ใครๆ ไม่อยากคบหา ไม่ว่าจะเป็นไม่ยอมรับแฟนของน้องสาว, แสดงความเห็นแบบไม่ถนอมน้ำใจใคร และไม่เปิดใจยอมรับความล้มเหลวของตัวเอง แต่ตำหนิชีวิตของคนอื่น
CAPTAIN PHILLIPS
“Houston, We have a problem…again.”
สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2009 เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่โจรสลัดชาวโซมาเลีย บุกเข้ายึดเรือบรรทุกสินค้าของสหรัฐ อเมริกา ที่มีกัปตัน ริชาร์ด ฟิลลิปส์ เป็นคนควบคุม ซึ่งเป็นการบุกยึดเรือสินค้าของสหรัฐฯ ลำแรกในรอบ 200 ปีเลยทีเดียว
(ยังมีต่ออีก 2 ตอน)
What is your reaction?
